top of page
Cateม่วง.png
รูปภาพนักเขียนวี welove

"My Heart Will Go On" เพลงที่ Celine Dion ไม่อยากได้ยินในงานศพของเธอ

อัปเดตเมื่อ 21 ก.พ.

วันนี้ผมจะมาพูดถึงเพลง My Heart Will Go On” ที่ร้องโดย Celine Dion เนื่องจากวันนี้เมื่อ 25 ปีที่ผ่านมาหรือวันนี้ในปี 1998 เพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 ใน UK และกลายเป็นซิงเกิ้ลที่ขายดีที่สุดในโลกของปีนั้น โดยอัลบั้มซาวด์แทร็ก The Titanic (ซึ่งมีเพลงนี้เป็นเพลงเดียวที่มีเนื้อร้อง จากทั้งหมด 15 เพลง) ขายได้มากกว่า 30 ล้านแผ่นทั่วโลก ทำให้กลายเป็นอัลบั้มเพลงที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการดนตรีที่บรรเลงโดยวงออเคสตร้า


มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับเพลงนี้ และตัวศิลปิน เป็นอย่างไรนั้น เข้าไปหาคำตอบกันเเลยครับ..


อัลบั้มชุดนี้เป็นผลงานประพันธ์และกำกับดนตรีโดย James Horner ( เขาเสียชีวิตเมื่อปี 2015 ในวัย 61 ปีจากเครื่องบินตก)

เจมส์ ฮอนเนอร์ (James Horner)

คนแต่งเนื้อร้องเพลงนี้คือ Will Jennings เขามีผลงานเพลงมากมายกับ Steve Winwood, Barry Manilow, Eric Clapton, B.B.King และ Roy Orbison


James Horner, Celine Dion, Will Jennings

ที่มาของเพลง


ที่มาของเนื้อเพลง "My Heart Will Go On" มาจาก James Horner เขาชวนวิล (will Jennings)ไปที่บ้าน และขอให้วิลช่วยเขียนเนื้อเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง Titanic โดยเอาสคริปต์บทหนังให้เขาอ่าน พร้อมกับบรรเลงเพลงนี้ให้เขาฟัง ทำให้วิลเห็นภาพโรส (ชื่อนางเอกในเรื่อง) ย้อนไปเมื่อสัก 100 กว่าปี ที่แล้ว


วิลนึกถึงหญิงชราคนหนึ่งที่ชื่อ "บีทรีซ" (Beatrice Wood) ซึ่งเขาได้รู้จักเธอเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว เธอยังทำงานและยังดูสดใส อาศัยอยู่ในเมืองโอจาอิ รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอเป็นศิลปินอยู่ในกรุงนิวยอร์กช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้วย้ายไปทำงานที่ฝรั่งเศส และสุดท้ายก็กลับมายังเมืองโอจาอิ เป็นช่างปั้นงานศิลปะจวบจนช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต



"บีทรีซ"(Beatrice Wood) ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้Will Jennings แต่งเพลง My Heart Will Go On



หญิงชราคือแรงบันดาลใจ


แม้เธอจะอายุมากกว่า 101 ปี แต่เธอยังดูสดใส วิลได้มีโอกาศจับมือเธอ ทักทายเธอ เขารู้สึกถึงพลังอำนาจจากมือของเธอ ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน. ความทรงจำในความรู้สึกที่เขาได้รับตอนนั้น ก็คือสิ่งที่ทำให้เขานำมาใช้เขียนเพลง "My Heart Will Go On" นั่นเอง...และบุคลิกของบีทรีซก็ถูกนำไปใช้แทนบุคลิกของโรสในช่วงบั้นปลายชีวิตในหนัง เธอมาปรากฎตัวและแนะนำหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ทรีซเสียชีวิตที่บ้านในปี 1998 หลังจากที่หนังไททานิคออกฉายแล้ว 3 เดือน ด้วยวัย 105 ปี (หลังฉลองวันเกิดเพียง 9 วัน)


ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่



เพลง "My Heart Will Go On" ขายได้ทั่วโลก 15 ล้านแผ่น ติดอันดับ 1 ในหลายประเทศ รวมถึงในอเมริกาและอังกฤษ และได้ 1 รางวัลออสการ์ และ 4 รางวัลแกรมมี่ ทำให้ชื่อของ Celine Dion ยิ่งดังไกลขึ้นไปอีก จากเดิมที่เธอมีเพลงดังอย่าง The Power Of Love และ Because You Loved Me อยู่แล้ว


ในช่วงเวลาเดียวกันเพลง"My Heart Will Go On" ก็ถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้ม Let's Talk About Love ของเธอเช่นกัน


โดยออกวางจำหน่ายหลังอัลบั้มซาวด์แทร็กเพียงอาทิตย์เดียว ทำให้อัลบั้มชุดนี้ของเธอ ขายดิบขายดีตามไปด้วย เฉพาะในอเมริกาขายได้กว่า 10 ล้านแผ่นทีเดียว


ร้องเทคเดียวผ่าน


แต่ทราบหรือไม่ว่า ในตอนแรกนั้นซิลีนไม่ชอบเพลงนี้เลย เธอไม่ค่อยเต็มใจที่จะร้องเพลงนี้ ทีมงานจึงขอให้สามีของเธอ Rene' Angelil ช่วยพูดกับเธอ ให้เธอช่วยร้องเพื่อใช้เป็นเดโม เธอจึงตอบตกลง และใช้เวลาอัดเพียงเทคเดียวเท่านั้น.....แล้วทีมงานก็เอาเสียงของเธอไปทำต่อ จนออกมาเป็นเวอร์ชั่นที่เราได้ยินกันอยู่ทุกวันนี้ โดยไม่ได้เอาไปให้นักร้องคนอื่นร้องต่ออย่างที่บอกเธอ หลังจากที่เพลงนี้ฮิต เธอต้องนำเพลงนี้มาร้องในโอกาสต่างๆอีกนับครั้งไม่ถ้วน ( เธอให้สัมภาษณ์รายการทีวีรายการหนึ่งในปี 2013 )



ตายไปพร้อมกับเพลง


เธอยังบอกอีกว่า ถ้าเธอตายไป ขออย่าได้เอาเพลงนี้มาเปิดในงานศพของเธอ เธอให้เหตุผลว่า เธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับเพลงนี้มากๆ เธอพูดในรายการดังนี้

"ฉันกำลังจะตายไปกับเพลงนี้ มันเป็นปัญหาดีๆนี่เองเมื่อคุณต้องเป็นส่วนหนึ่งของเพลงอมตะเพลงหนึ่ง คุณรู้เลยว่าคุณจะต้องตายไปกับมัน"
"'I'm going to die with this song. It's a good problem to have, when you're part of a classic and you know that you're going to die with it."

แต่หลังจากสามีของเธอเสียในปี 2016 กลายเป็นเธอที่เอาเพลงนี้มาร้องเพื่อรำลึกถึงสามีของเธอทุกครั้งเวลาอยู่บนเวที เพราะสามีของเธอเป็นผู้ผลักดันให้เธอร้องเพลงนี้นั่นเอง...

My Heart Will Go On....วันนี้ในอดีต


Celine Dion และสามี René Angélil

รำลึกถึงเรือTitanic (15 April 1912)


วันนี้เมื่อ106 ปีที่แล้ว หรือในปี 1912 (พศ.2455: ร.6) เรือหรู "ไททานิค"(Titanic) ของอังกฤษจมสู่มหาสมุทรแอตแลนติคเหนือ มีผู้เสียชีวิต 1,517 ศพ จากผู้โดยสาร 2,206 คนและลูกเรือ 898 คน เนื่องจากประสบอุบัติเหตุชนภูเขาน้ำแข็ง (ประมาณ 23.40 น.) และจมลงสู่ทะเล ราวตี 2.20


จริงๆแล้วเรือลำอื่นๆต่างได้รับคำเตือนนี้ล่วงหน้า 1 วัน แต่ลูกเรือมั่นใจความแข็งแรงของเรือไททานิค คำเตือนนี้จึงถูกละเลย และ ไม่ถึงมือของกัปตันเรือ !

ผู้รอดชีวิต 705 คน ส่วนใหญ่เป็นสตรี และเด็กจากชั้น First class


ส่วนผู้โดยสารคนอื่นๆจากชั้นธรรมดาถูกกักขัง ไม่ให้ขึ้นมาข้างบนเรือก่อน เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวาย ส่วนประธานของบริษัท White Star ที่สร้างเรือลำนี้ก็กระโดดลงเรือฉุกเฉินลำสุดท้ายและรอดชีวิตมาได้ ทั้งๆที่ยังมีสตรีและเด็กคนอื่นๆยังอยู่บนเรือไททานิครอความช่วยเหลืออยู่ กว่าจะมีเรือลำอื่น มาถึงที่เกิดเหตู ก็ใช้เวลา 1.20 ชม. ทั้งที่ห่างกันเพียง 20 ไมล์ เนื่องจากวิทยุสื่อสารของเรือลำนั้นไม่ทำงาน ไม่เช่นนั้นอาจมีผู้รอดชีวิตมากกว่านี้ก็เป็นได้


แหล่งข้อมูลใหม่จาก"พี่สีลม" ที่ลงรายละเอียดลึกมากเกี่ยวกับต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ :-


คืนเกิดเหต เรือสินค้าCaliforniaที่อยู่ใกล้กัน ได้ส่งวิทยุมาถึงTitanic ว่าจอดดับเครื่องแล้ว เพราะบริเวณนั้นมีน้ำแข็งล้อมรอบหมด แต่Titanicกลับตอบมาว่า "Shut up. You are interfering with our signal." เนื่องจากโอเปอเรเตอร์วิทยุกำลังยุ่งกับการส่งโทรเลขของผู้โดยสารชั้น1 ที่ส่งไปถึงญาติมิตร เรือ California จึงปิดสัญญานวิทยุ และกัปตันเรือ California ชื่อ Stanley Lord จึงเข้านอน ไม่อยากไปยุ่งกับTitanic ซึ่งเป็นเรือที่ใหญ่โตอลังการที่สุด


พอเกิดเหตุTitanic ส่งวิทยุขอความช่วยเหลือ เรือ California จึงไม่รู้เรื่อง แต่กว่าเรือ Carpathia ซึ่งอยู่ไกลกว่าหันเรือมาช่วยก็เช้าแล้ว ช่วยได้เฉพาะผู้โดยสารบนเรือเล็ก ตอนนั้นทุกคนประณามกัปตันLordและเรือCalifornia และเสมือนเป็นตราบาปของเขาไปจนวันสุดท้ายของชีวิต อีกหลายปีต่อจากนั้นประวัติศาสตร์จึงล้างมลทินให้เขา


วี welove / 21 February 2023 (ต้นฉบับ 2018)


ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

コメント


bottom of page